Monday, 13 July 2009

ดีท็อกซ์ใจให้หน้าใส ด้วยธรรมะ

ขออนุญาต คุณ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย เจ้าของบทความมาลงนะครับ เห็นซึงประโยชน์ที่จะได้รับกันครับ

จากเวบพลังจิต ครับ

เพราะปัจจุบันมนุษย์เราสะสมต่อบาดแผลในใจไว้ ซึ่งพอสะสมมากๆก็ทำให้จิตใจขุ่นมัว ใบหน้าเหมือนสวมวิญญาณมารร้าย...

เนื่องในวันเข้าพรรษา สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จัดงาน "ธรรมะชำระจิตใจเนื่องในวันเข้าพรรษา 2552" โดยจัดกิจกรรมธรรมะทอล์ก เรื่อง "ดีท็อกซ์ใจ" โดย ดนัย จันทร์เจ้าฉาย คนมีธรรมะในหัวใจ แห่งสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ที่อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ 2 เมื่อเร็วๆนี้

ผู้บริหารหน้าใสด้วยธรรมะอย่าง คุณดนัย เกริ่นตอนต้นว่า วิธีการทำให้ใบหน้าใสสวยมีการพูดถึงตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพระนางมัลลิกาทูลถามพระพุทธเจ้า อะไรเป็นเหตุให้ผู้หญิงบางนางจึงมีผิวพรรณของใบหน้าแลดูใสสวยยิ่งนัก ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า ผู้หญิงผู้ไม่เป็นโกรธ ไม่ฉุนเฉียว ไม่แสดงความไม่พอใจ ผู้นั้นจะมีรูปร่าง หน้าตาดูน่าชม ผิวพรรณสดใสงามยิ่ง สิ่งที่เป็นปัญหาในจิตใจของเราในวันนี้ เพราะเราเป็นบุคคลที่มีแผลในใจ เราสะสมปฏิฆะ ความขุ่นข้องหมองใจ ในแต่ละวันเราปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เราจะสะสมปฏิฆะ บางคนมีเป็นคอลเลกชั่นจนพัฒนากลายเป็นโทสะ หากกระทบปั๊บ จิตเราจะไปทันที เวลาโกรธเราจะแสดงที่ใบหน้า แววตาของเรา ไม่ว่าจะเมกอัพขนาดไหนก็เห็น ซึ่งเวลาโกรธเราจะแปลงร่างจากสุภาพชนกลายเป็นทรชน จากมนุษย์เป็นมารร้าย พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่สะสมความโกรธนั้น เรากำลังสะสมภพภูมิของอสุรกาย

คุณดนัยกล่าวต่อว่า หลักง่ายๆในวิถีพุทธที่จะชนะความโกรธ ทำได้ โดย อาทิ นึกถึงผลเสียของการที่เราจะโกรธคนอื่น ถ้าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า เราโกรธตอบแสดงว่าเราโง่กว่า อยากให้นึกถึงหน้าตาตัวเองเวลาโกรธ ลองสังเกตหน้าตาตัวเองเวลาโกรธจะดูไม่ได้ อยากให้นึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ นึกถึงข้อดีของเขา นอกจากนี้ นึกไปว่า ถ้าเขาทำให้เราโกรธ แสดงว่าเรากำลังทำให้เขาได้ใจ สมใจ ถ้าเราตอบโต้ความโกรธด้วยความโกรธก็จะมีแต่ผลเสีย อยากให้เรามีเมตตา มีเมตตากับตัวเอง และมีเมตตากับคนอื่น เมื่อเราเปิดใจให้เขา เราก็จะได้ใจของเขาด้วย

พร้อมกันนี้ ผู้บริหารคนดังยังได้เล่าประสบการณ์ผลดีของการระงับโทสะของตนเองว่า ตนเคยโดนกรีดยางรถยนต์ เพราะไปจอดรถในที่คนอื่น เนื่องจากรีบมาก และที่จอดรถของตนเองถูกคนอื่นจอดแทน เลยขอจอดที่คนอื่น เพื่อวิ่งไปทำธุรกิจ ไม่นาน ออกมาเจอรถตนเองถูกกรีดและถูกรถยนต์ของคนที่เป็นเจ้าที่จอดรถบล็อก ทำให้เอารถออกไปไม่ได้ ในวันรุ่งขึ้นตนได้นำกระเช้าดอกไม้และเดินไปขอโทษ พร้อมอธิบายเหตุผลให้ผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นเจ้าของที่จอดรถที่กรีดยางรถยนต์ของตนเอง แม้จะไม่ได้รับการต้อนรับจากผู้บริหารคนนั้น แต่ก็ได้ ฝากข้อความไว้ที่เลขาฯเขา วันต่อมาได้รับตะกร้าผลไม้ ใบโตพร้อมโน้ตแสดงความเสียใจจากผู้บริหารชาวต่างชาติคนนั้นว่า ตนทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ผิด ที่ผ่านมามีคนมาด่ามาว่าเขา เขาจะรู้สึกสะใจ และรู้สึกว่าได้สั่งสอนคนไทยที่ไม่ค่อยมีวินัย การกระทำของตนทำให้เขารู้สึกสำนึกผิด และให้อภัยคนที่มาจอดรถในที่ของเขา หลังจากนั้น ผู้บริหารชาวต่างชาติคนนี้ก็ได้กลายมาเป็นลูกค้าของตน แสดงให้เห็นว่า การให้ทานอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการให้อภัยทาน การให้อภัยจากใจของเรานั่นเอง

No comments:

Post a Comment